Hair Booster เเก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ด้วยเกล็ดเลือดตัวเอง
![](https://www.lecharmeclinic.com/wp-content/uploads/2023/01/prp-02-1-scaled.jpg)
![](https://www.lecharmeclinic.com/wp-content/uploads/2023/01/มือถือ-10-1.jpg)
Hair Booster คืออะไร?
คือ การนำเลือดของตัวเองมาปั่น เพื่อแยกชั้นของพลาสมา (Plasma) ซึ่งมีลักษณะเป็นสีเหลืองใส ออกมาและในพลาสม่าประกอบด้วยเกล็ดเลือด แพทย์จะสกัดเอาเกล็ดเลือด จากชั้นที่มีความข้มข้น สูงที่สุด มาใช้ในการบำบัดและฟื้นฟูสภาพเซลล์ผิว เพราะในเกล็ดเลือดชั้นนี้ ประกอบด้วยสารต่างๆ ที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด สามารถกระตุ้น Growth Factor ซึ่งเป็นสารที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ในร่างกายของสิ่งมีชีวิต มีส่วนช่วยกระตุ้น การสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจน กระตุ้นการเติบโต และการแบ่งเซลล์ ของผิวหนัง ช่วยฟื้นฟูและ ซ่อมแซมผิว พร้อมทั้งช่วยสมานแผลให้หายเร็วขึ้นด้วย
![](https://www.lecharmeclinic.com/wp-content/uploads/2023/01/AnyConv-4.jpg)
เลือดในร่างกายของมนุษย์เรา
ประกอบด้วย พลาสมาเหลว (Plasma) เซลล์เม็ดเลือดแดง (Red Blood cell) ก็แบ่งออกเป็น 2 ชนิดก็คือ เกล็ดเลือดเข้มข้น (Platelet Rich Plasma) และเกล็ดเลือดที่ไม่เข้มข้น (Platelet Poor Plasma)
ขั้นตอนการทำ Hair Booster
![](https://www.lecharmeclinic.com/wp-content/uploads/2022/08/front-view-doctor-holding-vials-prp-treatment-1.jpg)
![](https://www.lecharmeclinic.com/wp-content/uploads/2022/08/high-angle-vials-prp-petri-dish-1.jpg)
1. เจาะเลือด จากข้อพับประมาณ 20 cc
2. นำเลือดใส่ใน tube ชนิดพิเศษเเละปั่น เพื่อสกัด ผ่านเครื่อง Centrifuge เพื่อให้ได้เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้น เเละมี Growth Factor สูง หรือที่เรียกว่า PRP (Platelet Rich Plasma)
3. เเยกเกล็ดเลือด ที่สมบูรณ์เเละเข้มข้นออกมา (PRP)
4. ฉีดเกล็ดเลือด PRP กลับเข้าไปสู่ส่วนต่างๆ ของใบหน้าหรือในบริเวณที่ต้องการรักษาฟื้นฟู
![](https://www.lecharmeclinic.com/wp-content/uploads/2023/01/AnyConv-5.jpg)
อาการข้างเคียงหลังทำ Hair Booster
โดยทั่วไปแล้ว การทำ Hair Booster นับเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แทบจะไม่มีอาการข้างเคียงใดๆ ที่เป็นอันตรายเลยเนื่องจากไม่ใช่สารสังเคราะห์ แต่เป็นเกล็ดเลือดที่สกัดมาจากเลือด ของผู้ป่วยหรือของลูกค้าเอง ในช่วงแรกที่ฉีด Hair Booster เข้าผิวหนังจะรู้สึกอุ่นๆ ในบริเวณที่ฉีด แต่อาการดังกล่าว จะหายไปภายใน 10-15 นาที ในบางรายอาจมีอาการบวมหรือฟกช้ำเล็กน้อยประมาณ 2-3 วัน แต่โดยทั่วไปมักไม่รุนแรงและจะหายไปเอง ภายในระยะเวลาไม่นาน
เช็คให้ ชัวร์ก่อนฉีด
“เพราะในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นที่ไหนก็เหมือนกัน เมื่อนำเลือดไปทำการปั่นตกตะกอนแล้ว น้ำเหลืองหรือ Plasma ที่ได้มานั้นคือเกล็ดเลือดเข้มข้น (Pure PRP) เสมอ”
แต่ทราบหรือไม่ว่า ?? สิ่งที่ได้ออกมาคือเลือดจะแบ่งตัวออกเป็น 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นน้ำเหลือง ชั้นเกล็ดเลือดเข้มข้น และชั้นเม็ดเลือดแดง ซึ่งเมื่อน้ำชั้นน้ำเหลืองไปตรวจหาปริมาณเกล็ดเลือดแล้วกลับพบว่า “มีปริมาณเกล็ดเลือดเป็น 0” แต่ในขณะที่การใช้หลอดที่ถูกออกแบบมาพิเศษ เพื่อสกัดเกล็ดเลือดเข้มข้น Pure PRP โดยเฉพาะนั้นให้ปริมาณเกล็ดเลือดที่สูงกว่ามาก
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษาด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นสูง หรือ Pure PRP ควรเช็คให้ชัวร์ก่อนว่าสถานที่ ที่เราเข้ารับบริการ ใช้เวชภัณฑ์แบบใด ในการสกัดเกล็ดเลือดเข้มข้น
ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ Hair Booster อย่างต่อเนื่อง
1. กระตุ้นการสร้างใหม่ของรากผม
2. ป้องกันผมบางจากกรรมพันธุ์และการขาดวิตามิน
3. ช่วยซ่อมแซมรากผม ชะลอการหลุดร่วง
4. ช่วยทำให้ผมเส้นใหญ่ขึ้น
5. ช่วยทำให้ผมหนาเเละเส้นผมเเข็งเเรงมากขึ้น
*หมายเหตุ ผลการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล อายุ และการดูแลรักษาหลังทำ*
![](https://www.lecharmeclinic.com/wp-content/uploads/2023/01/AnyConv-6.jpg)
การปฏิบัติตัวหลังทำ Hair Booster
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีควบคู่ ไปกับการรักษามีข้อควรปฏิบัติหลังจากทำ PRP ดังต่อไปนี้
1. งดล้างหน้า4-6 ชั่วโมงแรก
2. หลีกเลี่ยงแสงแดดประมาณ 2- 3 วัน
3. งดการออกกำลังกายอย่างหนัก
4. งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์
5. ทาครีมบำรุงผิวได้ตามปกติ แต่ให้หลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของ AHA หรือสาร Whitening
6. ควรพักหน้า โดยงดแต่งหน้าอย่างน้อย 1 วัน
7. หลีกเลี่ยงการรับประทานยาประเภทแอสไพริน(Aspirin) และไอบูโพรเฟ่น(lbuprofen) ประมาณ 2-3 วัน
![](https://www.lecharmeclinic.com/wp-content/uploads/2023/01/AnyConv-7.jpg)